ไทยเรียกทูตกลับจากกัมพูชา หลังทหารบาดเจ็บจากกับระเบิดบริเวณชายแดน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชากำลังตึงเครียดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดบริเวณชายแดนที่พิพาทกัน พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไทยกล่าวเมื่อวันพุธว่า ประเทศไทยได้เรียกเอกอัครราชทูตประจำกัมพูชากลับประเทศ และจะขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชาออกจากประเทศไทย
กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชา โดยระบุว่ากับระเบิดที่พบในพื้นที่ดังกล่าวเป็นกับระเบิดที่เพิ่งถูกวางใหม่ และไม่เคยพบในการลาดตระเวนครั้งก่อนๆ พรรคเพื่อไทยกล่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย ประเทศไทยได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว
รัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นในทันที โฆษกรัฐบาลกัมพูชาได้อ้างถึงกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา รอยเตอร์รายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวว่ายังไม่ได้รับแจ้งถึงการตัดสินใจเรียกทูตไทยกลับประเทศ และแผนการขับไล่ทูตกัมพูชา
รัฐบาลไทยยังได้สั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดภายใต้อำนาจของกองทัพภาคที่ 2 ของไทย พรรคเพื่อไทยกล่าว และได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ชายแดนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
ในเหตุการณ์กับระเบิดเมื่อวันพุธ ทหารได้รับบาดเจ็บและสูญเสียขาขวา พรรคเพื่อไทยกล่าว ก่อนหน้านี้ ไทยกล่าวหากัมพูชาว่าวางกับระเบิดในฝั่งไทยของพื้นที่ชายแดนที่พิพาทกัน หลังจากทหารสามนายได้รับบาดเจ็บ แต่พนมเปญปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และกล่าวว่าทหารเหล่านั้นได้เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางที่ตกลงกัน และเหยียบกับระเบิดที่ถูกทิ้งไว้จากสงครามนานหลายทศวรรษ
ทางการไทยกล่าวว่าทหารได้รับบาดเจ็บ โดยหนึ่งในนั้นสูญเสียเท้าจากกับระเบิดขณะลาดตระเวนเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ในฝั่งไทยของพื้นที่ชายแดนที่พิพาทกันระหว่างอุบลราชธานีและกัมพูชา
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา การเรียกตัวทูตและการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความไม่พอใจของไทยต่อการกระทำของกัมพูชา การปิดจุดผ่านแดนอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
อนาคตของความสัมพันธ์
อนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชายังคงไม่แน่นอน การเจรจาและการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต