ไทยเสี่ยง! สหรัฐฯ จ่อเก็บภาษี 'สวมสิทธิ์' สินค้าไทยเหมือนเวียดนาม?
ประเด็นร้อนแรงที่กำลังเป็นที่จับตามองคือความเป็นไปได้ที่สหรัฐอเมริกาจะเรียกเก็บ 'ภาษีสวมสิทธิ์' จากสินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทย คล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นกับเวียดนาม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ
ภาษีสวมสิทธิ์คืออะไร?
ภาษีสวมสิทธิ์ (Transshipment) คือภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าที่สงสัยว่ามีการ 'สวมสิทธิ์' หรือเปลี่ยนแหล่งกำเนิดสินค้าจากประเทศหนึ่งมายังประเทศผู้ส่งออก ก่อนส่งออกไปยังสหรัฐฯ อีกที ซึ่งแตกต่างจาก Reciprocal Tariff ที่เรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าโดยทั่วไป
กรณีของเวียดนาม สหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีสวมสิทธิ์สูงถึง 40% ซึ่งสูงกว่า Reciprocal Tariff อย่างมาก ทำให้เกิดความกังวลว่าประเทศไทยอาจเผชิญสถานการณ์เดียวกัน
SCB EIC เตือนไทยเสี่ยง
ฐิตา เภกานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ได้ออกมาเตือนว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสวมสิทธิ์ โดยสหรัฐฯ จะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น สัดส่วนของวัตถุดิบนำเข้าที่ใช้ในการผลิตสินค้าส่งออก
เงื่อนไขที่สหรัฐฯ อาจพิจารณา:
- Import Content: สัดส่วนของวัตถุดิบนำเข้าที่ใช้ในการผลิตสินค้า
- Value Added: มูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในประเทศผู้ส่งออก
- Origin Rules: กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า
หากสินค้าไทยมีสัดส่วนวัตถุดิบนำเข้าสูง มีมูลค่าเพิ่มในประเทศต่ำ หรือไม่เป็นไปตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า ก็อาจถูกมองว่าเป็นการ 'สวมสิทธิ์' และถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงได้
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสวมสิทธิ์จากสินค้าไทยจริง จะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น และอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยการตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มในประเทศ และปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการค้าอย่างเคร่งครัด